เมื่อคึกคักอยากจะไปเชียงใหม่ด้วยรถไฟกันแล้ว ฉันเลยเริ่มมานั่งหาข้อมูลว่าจองตั๋วรถไฟยังไง หาเท่าไหร่ก็ไม่ค่อยจะมีวิธีที่กระจ่างพอให้เห็นภาพ ไม่เข้าใจเลยว่าชั้น 1 ชั้น 2 ชั้น 3 มันเป็นยังไง บรรยากาศเป็นแบบไหนเตรียมตัวไม่ถูก ไปรับรู้บรรยากาศจริงเอาวันเดินทางนั่นแหละ และด้วยความที่ไม่ค่อยมีใครเขียนเรื่องการเดินทางไปเชียงใหม่ด้วยรถไฟ ฉันก็เลยถือโอกาสนี้เก็บเรื่องราวมาแบ่งปัน
ก่อนอื่นเลยเข้าไปในเว็บของการรถไฟ ตรวจเช็คดูว่ารถไฟนอนมีเที่ยวกี่โมงบ้าง ปกติจะนิยมเดินทางตอนกลางคืนแล้วไปสว่างเอาที่เชียงใหม่เพื่อไม่ให้เสียเวลา และถ้าเดินทางตอนมีแดดเราจะรู้สึกเพลียแดดด้วย การเดินทางตอนกลางคืนจึงเป็นที่นิยมอย่างมาก
เมื่อเข้าเว็บการรถไฟจะพบ check box ด้านซ้ายมือให้เลือกสถานีต้นทางและปลายทาง เพื่อดูรายละเอียดเที่ยวรถ ถ้าเลือกต้นทางกรุงเทพ หมายถึงสถานีหัวลำโพง
แต่ถ้าคุณอยู่ใกล้สถานีอื่นก็สามารถขึ้นสถานีที่รถไฟผ่านได้โดยไม่จำเป็นต้องขึ้นที่หัวลำโพง ใครจะขึ้นต้นทางที่อื่นก็เลือกสถานีต้นทางอื่นได้ค่ะ เช่น หลักสี่ รังสิต อยุธยา ก็ว่ากันไป จุดนี้แหละที่หลายคนมักมองข้ามเลือกกรุงเทพโลด เพราะเข้าใจว่าตัวเองอยู่กรุงเทพ หลักสี่ก็คือกรุงเทพก็เลือกหลักสี่ได้เลย แต่จริง ๆ แล้วราคาต้นทางกรุงเทพกับหลักสี่ก็ไม่ต่างกันมาก หากเลือกพลาดก็แพงกว่ากันไม่กี่บาท ไม่ค่อยส่งผลกระทบกับจิตใจเท่าไหร่และยังสามารถขึ้นที่สถานีหลักสี่ได้อย่างสะดวกเพียงแต่ไม่ได้เงินคืนเท่านั้นเอง
กดที่ปุ่ม ตรวจสอบ ก็จะได้ตารางออกมาแบบนี้
คลิกที่ปุ่ม ตรวจสอบ ของเลขขบวน 1 ประเภทรถ *ด่วนพิเศษ เพื่อเช็คราคาค่าโดยสาร
ที่แนะนำให้กดที่ด่วนพิเศษ เลขขบวน 1 เพราะเป็นรถที่นั่งสบาย เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า รถไฟนครพิงค์จะมีความกว้างและบึกบึนกว่าเลขขบวน 11 เหยียดแข้งเหยียดขาก็จะได้สบายกว่าในราคาเท่ากัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับเที่ยวออกที่แต่ละคนต้องการนะคะ หากใครต้องการออกจากกรุงเทพเร็วหน่อยก็ต้องเลือกรถไฟตามรอบเวลาสะดวกของเรานั่นแหละเป็นสำคัญ
จากนั้นเมื่อกดตรวจสอบแล้วเราก็จะเห็นราคาเปรียบเทียบชั้น 1 2 3 เรียงกันไป แต่ราคานี้ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมต่าง ๆ นานา ซึ่งไม่บอกก็เดาได้ว่าชั้น 1 ต้องแพงที่สุดอยู่แล้ว ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ก็จะแจกแจงแยกย่อยออกมาตามภาษาของการรถไฟเขา ซึ่งเราก็คงไม่ต้องไปทำความเข้าใจเขาหรอก
เพราะเขามีราคารวมค่าธรรมเนียมไว้ให้เรียบร้อยแล้วพร้อมภาพลักษณะที่นั่งที่เราจะได้ใช้บริการ
มาดูกันว่าลักษณะที่นั่งในรถไฟนอนชั้น 1 และ 2 แตกต่างกันยังไง ไม่ต้องพูดถึงชั้นที่ 3 เพราะนั่งหลังแข็งโลดไม่มีที่นอนนะคะ
ตอนแรกเห็นภาพนี้ทางเว็บการรถไฟก็ไม่เข้าใจว่าชั้น 1 กับ ชั้น 2 แตกต่างกันยังไง พอดีตอนได้โดยสาร ฉันได้เดินดุ่ม ๆ จะไปเข้าห้องน้ำที่อีกตู้นึง ถึงได้เห็นว่าอ๋อ ชั้น 1 มันเป็นแบบนี้นี่เอง ก็คือจะเป็นเตียง 2 ชั้น (ภาพบน) และมีประตูห้องเป็นสัดส่วน แต่ชั้น 2 (ภาพล่าง) จะมีแค่ม่านสีน้ำเงินรูดปิดเตียงบนกับเตียงล่างแต่ก็มิดชิดดีนะ เวลาจะเดินไปห้องน้ำก็ต้องจำหมายเลขให้ดีไม่งั้นกลับมาเปิดม่านผิดล่ะก็ยุ่งเลย
แนะนำสำหรับสาวเจ้าที่อยากเดินทางด้วยรถไฟ อยากให้เลือกที่นั่งเตียงล่างดีกว่านะคะ เพราะไม่ต้องปีนขึ้นไปนอนเตียงบนให้มันแปลก ๆ ตา แม้เตียงบนจะถูกกว่า แต่ถ้าไปคนเดียวแนะนำเตียงล่างดีกว่าค่ะ ไปห้องน้ำห้องท่าก็สะดวกกว่าไม่ต้องปีนป่ายให้เสียเวลา
ก่อนที่จะถึงเวลาปรับที่นั่งให้เป็นที่นอนผู้โดยสารก็ต้องนั่งมองหน้ากันไปมา จนกว่าจะมีใครสักคนเอ่ยชวนให้ปรับเบาะเป็นแบบนอน เจ้าหน้าที่ก็จะมาจัดการปูผ้าปู แจกหมอนแจกผ้าห่มให้ภายใน 5 นาที เป็นอันแยกย้ายเตียงใครเตียงมัน ถ้าเป็นชายหญิงที่ไม่รู้จักกันมาป๊ะกันบนรถไฟ ก็อาจจะเขิน ๆ กันนะ เลยอยากแนะนำให้ฝ่ายหญิงเลือกเตียงล่างดีกว่าเวลาจองตั๋ว ฝ่ายชายจะได้ไม่รู้สึกไม่แมน ๆ ก็ว่ากันไป
ด้วยความที่เป็นรถไฟก็จะไม่มีการเลี้ยวหักศอกหรือฉวัดเฉวียนอะไรมากมาย การนอนบนรถไฟจึงไม่ได้สะเทือนตับไตไส้พุงอะไรมาก ยกเว้นคนที่นอนเตียงบนอาจมีลักษณะแผ่นดินไหวอยู่บ้าง มันก็วังเวงอยู่เหมือนกันแต่ก็สามารถหาหนังสือมาอ่านเพลิน ๆ ได้อยู่เหมือนกัน
ที่สังเกตเห็นก็คือส่วนใหญ่ผู้โดยสารจะเป็นฝรั่งทั้งแบบชั้น 1 และ ชั้น 2 แทบจะไม่มีคนไทยเลย ส่วนใหญ่จะเห็นคนไทยที่ชั้น 3 ฉันจึงบอกว่าคนไทยไม่ค่อยนิยมเดินทางด้วยรถไฟเท่าไหร่นอกจากไปแบบยกขบวนเที่ยวกันทั้งแผนกในบริษัท ถ้าลองไปที่สถานีขนส่งรถทัวร์ก็จะเห็นคนไทยมากหน้าหลายตาอยู่ นี่ก็เป็นสไตล์นึงที่แปลกแตกต่างกันออกไป มันสบายกว่าจริง ๆ นะ แต่คิดว่าเหตุผลที่รถไฟแพงกว่าหน่อยนึงและช้ากว่านั่นแหละที่ทำให้คนไทยไม่นิยม
ตลอดการเดินทางก็จะมีเจ้าหน้าที่เอาเมนูอาหารมาแจกให้สำหรับคนที่อยากทานอาหาร เจ้าหน้าที่ก็สามารถแปลงที่นั่งให้มีโต๊ะตรงกลางสำหรับวางสำรับอาหารได้ เก๋ไก๋คลาสสิคอย่าบอกใคร แต่ก็อีกเช่นเคย จะเห็นก็แต่ฝรั่งซะส่วนใหญ่ที่สั่งทาน อาหารรสชาติก็พอใช้ได้นะ สั่งเป็นเซ็ตจะถูกกว่า แต่ราคาก็ถือว่าราคาแบบในห้างแหละเพียงแต่ทานบนรถไฟเท่านั้นเอง
เมนูที่ถ่ายมาบนรถไฟก็จะออกเบลอ ๆ ตามการโยกเยกของรถไฟนั่นล่ะ
สำหรับตอนนี้ก็พักเอาแรงกันก่อน พอฟ้าสางเราจะมาติดตามการเข้าใกล้ที่หมาย "เชียงใหม่" กันนะเจ้า